Difference between revisions of "Loss Calculator"
Line 14: | Line 14: | ||
2. นำค่า Connector Loss (dB) x จำนวนจุด<br/> | 2. นำค่า Connector Loss (dB) x จำนวนจุด<br/> | ||
3. นำค่า Splice Loss (dB) x จำนวนจุด<br/> | 3. นำค่า Splice Loss (dB) x จำนวนจุด<br/> | ||
− | 4. นำค่าที่ได้ใน ข้อที่ 1 + ข้อที่ 2 + ข้อที่3 ดังนั้นจะได้ค่า Channel Loss ที่ได้จากการคำนวณ เพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับค่า A-B Loss ที่วัดได้จากเครื่อง OTDR <br/> | + | 4. นำค่าที่ได้ใน ข้อที่ 1 + ข้อที่ 2 + ข้อที่3<br/> |
+ | '''ดังนั้นจะได้ค่า Channel Loss ที่ได้จากการคำนวณ เพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับค่า A-B Loss ที่วัดได้จากเครื่อง OTDR | ||
+ | '''<br/> | ||
==test3== | ==test3== |
Revision as of 04:49, 11 September 2018
วิธีการอ่านค่าผลทดสอบสายใยแก้วนำแสง
ค่าต่างๆที่อ่านได้ในผลทดสอบ
1. ค่า A-B Distance คือ ค่าความยาวของสายใยแก้วนำแสงที่ทำการวัดได้จากการติดตั้ง หน่วยเป็น เมตร (m)
2. ค่า A-B Loss คือ ค่าการลดทอนสัญญาณของสายใยแก้วนำแสงที่ทำการวัดได้จากการติดตั้ง หน่วยเป็น เดซิเบล (dB)
• ตามมาตรฐาน ANSI/TIA-568-C.3 Cable Loss ของสายใยแก้วนำแสง ชนิด Single mode จะมีค่าประมาณ 0.0005dB/m (1310nm) และ 0.0005dB/m (1550nm) ส่วนสายใยแก้วนำแสง ชนิด Multimode จะมีค่าประมาณ 0.0035dB/m (850nm) และ 0.0015dB/m (1300nm)
• ตามมาตรฐาน ANSI/TIA-568-C.3 Connector Loss ของในแต่ละหัวต่อจะมีค่าไม่เกิน 0.75 dB
• ตามมาตรฐาน ANSI/TIA-568-C.3 Splice Loss ของในแต่ละจุดเชื่อมต่อจะมีค่าไม่เกิน 0.3 dB
สูตรที่ใช้ในการคำนวณ Channel Loss
Channel Loss = (Cable Loss x Length) + (Connector Loss x Point) + (Splice Loss x Point)
วิธีการคำนวณค่า Channel Loss
1. นำค่า Cable Loss ของสายใยแก้วนำแสงแต่ละชนิด (dB/m) x ค่า A-B Distance ของสายใยแก้วนำแสง (m)
2. นำค่า Connector Loss (dB) x จำนวนจุด
3. นำค่า Splice Loss (dB) x จำนวนจุด
4. นำค่าที่ได้ใน ข้อที่ 1 + ข้อที่ 2 + ข้อที่3
ดังนั้นจะได้ค่า Channel Loss ที่ได้จากการคำนวณ เพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับค่า A-B Loss ที่วัดได้จากเครื่อง OTDR
test3
test3
test4
test4
test5
test5
test3
test3
test3
test3
test3
test3