Difference between revisions of "Wi-Fi Authentication Service version 2019Jan"
Line 36: | Line 36: | ||
=== ติดตั้ง Active Directory และ Network Policy and Access Service === | === ติดตั้ง Active Directory และ Network Policy and Access Service === | ||
# Server Manager -> Add roles and features<br>[[File:WifiAuth2019-02-ad-add-role.png|link=]] | # Server Manager -> Add roles and features<br>[[File:WifiAuth2019-02-ad-add-role.png|link=]] | ||
+ | # จากนั้นกด Next 3 ครั้ง เลือก Active Directory Domain Services และ Network Policy and Access Services แล้วกด Next 4 ครั้งแล้วกด Install<br>[[File:WifiAuth2019-03-ad-select-role.png|link=]] | ||
+ | # เมื่อติดตั้งเสร็จให้คลิก Promote this server to a domain controller<br>[[File:WifiAuth2019-04-ad-promote.png|link=]] | ||
+ | # เลือก Add a new forest ระบุ domain แล้วกด Next<br>[[File:WifiAuth2019-05-ad-new-forest.png|link=]] | ||
+ | # กำหนดรหัสผ่านที่ใช้ใน mode กู้คืนแล้วกด Next ไปเรื่อย ๆ แล้วกด Install และรอระบบ restart<br>[[File:WifiAuth2019-06-ad-restore-password.png|link=]] | ||
+ | |||
+ | === สร้าง self-sign Certificate === | ||
+ | # เปิด Powershell แล้วใช้คำสั่ง | ||
+ | <syntaxhighlight lang=powershell> | ||
+ | New-SelfSignedCertificate -certstorelocation cert:\localmachine\my -dnsname wifi-auth.cnoc.cmu | ||
+ | </syntaxhighlight> | ||
+ | * กรณีที่ NPS มีหลายเครื่องจะต้อง export certificate นี้ไปติดตั้งที่เครื่องอื่น ๆ ด้วย วิธีการ export [http://windowsitpro.com/blog/creating-self-signed-certificates-powershell http://windowsitpro.com/blog/creating-self-signed-certificates-powershell] | ||
+ | |||
+ | === ตั้งค่า Network Policy and Access Service === | ||
+ | # เชื่อม NPS เข้ากับ Active Directory ที่ '''Server Manager เมนู Tools เลือก Network Policy Server''' คลิกขวาที่ NPS(Local) เลือก Register server in Active Directory<br>[[File:Nps12.png|link=]] | ||
+ | # สร้าง Policy สำหรับการยืนยันตัวตนเลือก RADIUS server for 802.1X Wireless or Wired Connections จากนั้นกด Configure 802.1X<br>[[File:Nps13.png|link=]]<br>Type of 802.1X connections เลือกเป็น Secure Wireless Connections แล้วกด Next<br>[[File:Nps14.png|link=]] | ||
+ | #ที่ Specify RADIUS Switch กด Add จากนั้นระบุค่า RADIUS Client ให้ตรงกับค่า Radius Proxy และกำหนดค่า Share Secret จากนั้นกด OK แล้ว Next<br>[[File:WifiAuth2019-07-nps-rad-client.png|link=]] | ||
+ | #เลือก Type เป็น Microsoft: Protected EAP (PEAP) จากนั้นกด Configure<br>[[File:Nps16.png|link=]]<br>เลือก Certificate เป็น wifi-auth.cnoc.cmu แล้วกด OK แล้วกด Next 3 ครั้งแล้วกด Finish<br>[[File:WifiAuth2019-08-nps-certificate.png|link=]] | ||
+ | # สามารถแก้ไขการตั้งค่าต่างๆ ของ Policy ได้ที่ NPS -> Policy -> ชื่อ จากนั้นให้ดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อ Policy<br>[[File:Nps18.png|link=]]<br>การตั้งค่าเงือนไขการเข้าใช้งานโดยยกเลิกประเภทของอุปกรณ์ปลายทางจากที่รับเฉพาะ 802.11 เป็นอุปกรณ์ใดๆ<br>[[File:Nps19.png|link=]]<br>[[File:Nps20.png|link=]]<br>[[File:Nps21.png|link=]]<br>การตั้งค่าให้รองรับการยืนตัวตนแบบไม่เข้ารหัสรหัสผ่านสำหรับใช้งานที่ไม่ใช่การยืนยันตัวตนแบบ PEAP<br>[[File:Nps22.png|link=]] |
Revision as of 09:45, 9 January 2019
ระบบการยืนยันตัวตนเข้าใช้งานเครือข่ายไร้สายแบบปลอดภัย(WPA/WPA2 Enterprise) ด้วยบัญชีผู้ใช้แบบรวมศูนย์บน Microsoft Windows Server Active Directory พร้อมทั้งการลงทะเบียนหมายเลข MAC Address แบบอัตโนมัติ: กรณีศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เวอร์ชันปรับปรุง 2562
ความเป็นมา
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ทำการให้บริการเครือข่ายไร้สายในชื่อ Jumbo-Net โดยแต่เดิมให้บริการชื่อจุดเชื่อมต่อ 3 จุดคือ Jumbo-Net, Jumbo-Secure และ Jumbo-Register ซึ่ง Jumbo-Register ใช้ในการลงทะเบียนอุปกรณ์เพื่อใช้งาน Jumbo-Secure ซึ่งใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ WPA/WPA2 Enterprise เพื่อสร้าง key และลงทะเบียน MAC Address ส่วน Jumbo-Net เป็นแบบเปิดและเข้าใช้งานด้วยการยืนยันตัวตนผ่านหน้าเว็บ(Web-based Authentication) ซึ่งไม่ค่อยมีความปลอดภัย
ปัญหาและแนวทางแก้ไข
เนื่องจากมหาวิทยาลัยเป็นสถานที่เปิดมีบุคคลทั่วไปเข้าออกเป็นจำนวนมากและในยุคที่ทุกคนต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลาผ่านโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ต่างๆ การใช้งานแบบ web-based authentication จึงไม่เหมาะสม และเกิดปัญหาคือ
- อุปกรณ์จำนวนมากรวมถึงบุคคลภายนอกที่เข้ามาภายในมหาวิทยาลัย ได้ทำการ associate เข้ากับ SSID แต่ไม่ได้ทำการยืนยันตัวตน ทำให้อุปกรณ์เครือข่ายไร้สายต้องรับภาระงานเพิ่มขึ้นกระทบผู้ใช้ภายใน รวมถึงมีความเสียงด้านความปลอดภัยเนื่องจากไม่ได้เข้ารหัสสัญญาณ
- อุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตประเภทโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตไม่สะดวกต่อการเชื่อมต่อแบบ web-based authentication เหมาะกับ WPA มากกกว่า ระบบเดิมสามารถลงทะเบียน MAC address เพื่อใช้งานได้แค่อุปกรณ์เดียวซึ่งผู้ใช้มีอุปกรณ์หลายอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา
จึงมีแนวคิดยกเลิกการให้บริการแบบ web-based authentication และเพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการและประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ที่ดีขึ้นจึงจำเป็นต้องให้ผู้ใช้บริการแบบ WPA ทั้งหมดและยืนยันตัวตนด้วยบัญชีผู้ใช้ CMU IT Account ซึ่งเป็นอีเมลของมหาวิทยาลัยฯ เพื่อให้เกิดเป็น Centralized Authentication ที่ใช้บัญชีเดียวกันกับทุกบริการ และสามารถควบคุมจำนวนอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงการให้บริการโดยยกเลิก SSID Jumbo-Net เดิมที่เป็น web-based authentication และเปลี่ยนชื่อ SSID Jumbo-Secure มาเป็น @JumboPlus ซึ่งเป็น WPA-Enterprise และปรับปรุงเว็บไซต์ https://jumbo.cmu.ac.th ให้รองรับการลงทะเบียน MAC address โดยผู้ใช้งานสามารถลงทะเบียนใช้งานได้สูงสุด 5 อุปกรณ์หลังจากเปลี่ยนมาใช้งาน @JumboPlus และปิด Jumbo-Net ไปเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2556 จะเห็นว่าภาระงานของหน่วยประมวลผลอุปกรณ์ควบคุมการทำงานเครือข่ายไร้สายลดลง
แต่การปิดระบบ web-based authentication ซึ่งผู้ใช้คุ้นเคย จะต้องเตรียมคู่มือไว้ให้พร้อมเนื่องจาก WPA นั้นต้องมีการตั้งค่าที่อุปกรณ์ก่อนในครั้งแรกซึ่งคู่มือและเครื่องมือในการช่วยตั้งค่าบนอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบปฏิบัติต่างเช่น iOS, Android, Windows Phone, Windows XP, Windows Vista, Windows 7 , Windows 8 , OSX, Black Berry OS ก็ต้องเผยแพร่บนเว็บไซต์ให้ครบถ้วน
ปรับปรุง 2558
การแก้ปัญหาจาก web authentication มาเป็น WPA-Enterprise นั้นได้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานเพิ่มขึ้นมานั่นก็คือผู้ใช้งานต้องเข้าสู่ระบบทางเว็บไซต์เพื่อลงทะเบียน mac address ก่อน ซึ่งผู้ใช้ส่วนจะเกิดความสับสนไม่รู้ว่า mac address คืออะไร ทำให้ใช้งานไม่ได้ จึงต้องทำการปรับปรุงให้ระบบลงทะเบียน mac address ให้ผู้ใช้โดยอัตโนมัติ และผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบเพื่อลบอุปกรณ์เดิมออกเมื่อจำนวนอุปกรณ์ครบกำหนดและต้องการใช้อุปกรณ์ใหม่
ปรับปรุง 2562
ทำการ update version ของ freeradius และ deploy application ผ่านเทคโนโลยี docker เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้งาน
บัญชีผู้ใช้ไอทีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่(CMU IT Account)
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ใช้ Microsoft Windows Active Directory ในการจัดเก็บบัญชีผู้ใช้ซึ่งเป็นบัญชีเดียวกันกับอีเมลของบุคลากรและนักศึกษา การยืนยันตัวตนบนระบบเครือข่ายไร้สายก็ใช้บัญชี CMU IT Account โดย CMU IT Account จะมีเว็บไซต์ https://account.cmu.ac.th เป็นทั้ง Front-End สำหรับผู้ใช้ในการสร้างและจัดการบัญชี และ Back-End สำหรับผู้ดูแลระบบในการจัดการบัญชี บัญชีที่ถูกสร้างขึ้นจะได้รับกล่องข้อความอีเมลโดยอัตโนมัติ
Workshop
การเชื่อมต่อ
หลักการทำงาน
- ติดตั้ง Active Directory และ Network Policy and Access Service บน Windows Server
- deploy freeradius mysql ที่ตั้งค่าการตรวจสอบฐานข้อมูล MAC Address และลงทะเบียน MAC Address ของผู้ใช้ก่อนแบ่งภาระงานไปยืนยันตัวตนที่ NPS ผ่าน protocol radius ผ่าน docker
- ทดลองใช้ Wi-Fi Client เชื่อมต่อ
ติดตั้ง Active Directory และ Network Policy and Access Service
- Server Manager -> Add roles and features
- จากนั้นกด Next 3 ครั้ง เลือก Active Directory Domain Services และ Network Policy and Access Services แล้วกด Next 4 ครั้งแล้วกด Install
- เมื่อติดตั้งเสร็จให้คลิก Promote this server to a domain controller
- เลือก Add a new forest ระบุ domain แล้วกด Next
- กำหนดรหัสผ่านที่ใช้ใน mode กู้คืนแล้วกด Next ไปเรื่อย ๆ แล้วกด Install และรอระบบ restart
สร้าง self-sign Certificate
- เปิด Powershell แล้วใช้คำสั่ง
New-SelfSignedCertificate -certstorelocation cert:\localmachine\my -dnsname wifi-auth.cnoc.cmu
- กรณีที่ NPS มีหลายเครื่องจะต้อง export certificate นี้ไปติดตั้งที่เครื่องอื่น ๆ ด้วย วิธีการ export http://windowsitpro.com/blog/creating-self-signed-certificates-powershell
ตั้งค่า Network Policy and Access Service
- เชื่อม NPS เข้ากับ Active Directory ที่ Server Manager เมนู Tools เลือก Network Policy Server คลิกขวาที่ NPS(Local) เลือก Register server in Active Directory
- สร้าง Policy สำหรับการยืนยันตัวตนเลือก RADIUS server for 802.1X Wireless or Wired Connections จากนั้นกด Configure 802.1X
Type of 802.1X connections เลือกเป็น Secure Wireless Connections แล้วกด Next - ที่ Specify RADIUS Switch กด Add จากนั้นระบุค่า RADIUS Client ให้ตรงกับค่า Radius Proxy และกำหนดค่า Share Secret จากนั้นกด OK แล้ว Next
- เลือก Type เป็น Microsoft: Protected EAP (PEAP) จากนั้นกด Configure
เลือก Certificate เป็น wifi-auth.cnoc.cmu แล้วกด OK แล้วกด Next 3 ครั้งแล้วกด Finish - สามารถแก้ไขการตั้งค่าต่างๆ ของ Policy ได้ที่ NPS -> Policy -> ชื่อ จากนั้นให้ดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อ Policy
การตั้งค่าเงือนไขการเข้าใช้งานโดยยกเลิกประเภทของอุปกรณ์ปลายทางจากที่รับเฉพาะ 802.11 เป็นอุปกรณ์ใดๆ
การตั้งค่าให้รองรับการยืนตัวตนแบบไม่เข้ารหัสรหัสผ่านสำหรับใช้งานที่ไม่ใช่การยืนยันตัวตนแบบ PEAP